3 เทคนิคสุดเจ๋ง! จัดการข้อโต้แย้งลูกค้าให้อยู่หมัด ปิดการขายอสังหาฯ ได้สบายๆ

  • ฟังลูกค้าอย่างตั้งใจ และทำความเข้าใจข้อกังวลของเขาให้ถ่องแท้
    เวลาลูกค้าทักท้วงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่าเพิ่งรีบแก้ตัวหรือปฏิเสธไปทันที แต่ให้แสดงท่าทีเปิดใจรับฟัง และตั้งคำถามเพื่อทำความเข้าใจหัวอกของลูกค้าให้มากขึ้น เช่น ถ้าลูกค้าบอกว่า “ราคาบ้านนี้แพงเกินไป” เราอาจเริ่มต้นด้วยการกล่าว “ขอบคุณมากนะคะที่แชร์ความคิดเห็น อ๊อฟอยากเข้าใจมุมมองของคุณจริงๆ ไม่ทราบว่าคุณได้เปรียบเทียบราคากับโครงการไหนมาบ้างคะ?” การแสดงความเข้าอกเข้าใจแบบนี้ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขากำลังคุยกับ “คน” ที่พร้อมจะรับฟัง ไม่ใช่ “หุ่นยนต์ขายของ” ที่พร้อมจะยัดเยียดสินค้าให้
  • แสดงท่าทียอมรับและเห็นอกเห็นใจกับข้อครหาของลูกค้า
    เมื่อจับใจความได้แล้วว่าแท้จริงแล้วลูกค้ากำลังกังวลเรื่องอะไร ขั้นต่อมาคือการแสดงท่าทีว่าเรายอมรับในข้อกังวลนั้น และเข้าใจความรู้สึกของเขา จากนั้นค่อยๆแก้ไขสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าตำหนิว่า “ทำไมต้องรอนานขนาดนี้กว่าจะได้เข้าชมบ้าน” คุณอาจเริ่มด้วยการแสดงความเห็นใจ พูดว่า “อ๊อฟเข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ การต้องรอคอยที่หน้าโครงการเป็นเวลานานขนาดนี้ ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเป็นธรรมดา ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ” การแสดงความเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าในทำนองนี้ จะช่วยลดความไม่พอใจลงได้พอสมควร เพราะลูกค้าจะรู้สึกว่ามีคนพร้อมจะเข้าใจเขา
  • เสนอแนวทางแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างใส่ใจ
    หลังจากสื่อสารความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมนำเสนอทางออกหรือข้อมูลที่จะช่วยคลายความกังวลใจให้แก่ลูกค้าด้วย โดยเน้นการหยิบยกประเด็นที่มีประโยชน์ต่อลูกค้าโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้าบอกว่า “ผมยังไม่แน่ใจเรื่องทำเลนี้เท่าไรนะ” คุณอาจตอบว่า “อ๊อฟเข้าใจความลังเลใจของคุณดีค่ะ การตัดสินใจเกี่ยวกับทำเลที่อยู่อาศัย เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้การไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ที่คุณยังไม่มั่นใจขนาดนี้ก็เป็นเรื่องปกติมากค่ะ แต่รู้ไหมคะ อ๊อฟมีข้อมูลเกี่ยวกับแผนพัฒนาในอนาคตของย่านนี้ที่น่าสนใจมากเลยนะคะ ถ้าคุณพร้อมแล้ว เรามาดูข้อมูลเพิ่มเติมให้ชัดเจนกันไหมคะ?” การเสนอข้อมูลที่ช่วยอธิบายทิศทางการพัฒนาทำเลแบบนี้ นอกจากจะช่วยคลี่คลายข้อสงสัยของลูกค้าได้แล้ว ยังเป็นการย้ำให้ลูกค้าเห็นถึงศักยภาพของโครงการได้อีกด้วย