ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคะแนนเครดิตที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก

การจัดการคะแนนเครดิตเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ แต่ก็มีข้อเท็จจริงมากมายเกี่ยวกับคะแนนเครดิตที่หลายคนอาจยังไม่รู้จัก หรือเข้าใจผิดไปจากความเป็นจริง

ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ 5 เท็จจริงเกี่ยวกับคะแนนเครดิตที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก เพื่อช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถบริหารจัดการคะแนนเครดิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. คะแนนเครดิตไม่ใช่ตัวบ่งชี้เดียวในการตัดสินสินเชื่อ

หลายคนมักเข้าใจว่าคะแนนเครดิตเป็นตัวบ่งชี้เดียวที่ธนาคารหรือผู้ให้บริการสินเชื่อใช้ในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ แต่ความจริงแล้ว คะแนนเครดิตเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่พิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ

ผู้ให้บริการสินเชื่อจะพิจารณาข้อมูลอื่น ๆ เช่น ประวัติการชำระหนี้ รายได้ และอายุการทำงาน ในการตัดสินใจ ดังนั้น แม้คะแนนเครดิตของคุณจะต่ำ แต่ถ้าประวัติการเงินดี คุณอาจยังมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อ

2. การตรวจสอบคะแนนเครดิตไม่ทำให้คะแนนลดลง

หลายคนมีความเข้าใจผิดว่าการตรวจสอบคะแนนเครดิตบ่อย ๆ จะทำให้คะแนนเครดิตลดลง แต่ความจริงคือ การตรวจสอบคะแนนเครดิตในแบบ Soft Inquiry ไม่ส่งผลกระทบต่อคะแนนเครดิตของคุณเลย

Soft Inquiry คือการตรวจสอบที่เกิดขึ้นเมื่อคุณตรวจสอบคะแนนเครดิตของตนเองหรือเมื่อผู้ให้บริการเช็คคะแนนเพื่อให้ข้อเสนอที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขอสินเชื่อ ในขณะที่ Hard Inquiry ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคุณสมัครสินเชื่อจะมีผลกระทบต่อคะแนนเครดิต ดังนั้น ควรตรวจสอบคะแนนเครดิตของตัวเองบ่อย ๆ เพื่อให้สามารถติดตามสถานะทางการเงินของตนได้

3. หนี้สินไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้คะแนนเครดิตต่ำ

ความเข้าใจผิดอีกอย่างหนึ่งคือ หนี้สินจะทำให้คะแนนเครดิตของคุณต่ำเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว คะแนนเครดิตถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย เช่น ประวัติการชำระหนี้ ความยาวของประวัติเครดิต การใช้เครดิต และประเภทของหนี้

หากคุณมีหนี้สินจำนวนมาก แต่สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลา คะแนนเครดิตของคุณอาจไม่ต่ำลง ดังนั้น การบริหารจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคะแนนเครดิตให้อยู่ในระดับที่ดี

4. คุณสามารถปรับปรุงคะแนนเครดิตได้ด้วยวิธีง่าย ๆ

การปรับปรุงคะแนนเครดิตไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่หลายคนคิด คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการชำระหนี้ให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงการเปิดบัญชีใหม่บ่อย ๆ และพยายามลดหนี้ลงอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ การใช้บัตรเครดิตอย่างมีสติ เช่น การใช้ไม่เกิน 30% ของวงเงินบัตรเครดิต ก็ช่วยเพิ่มคะแนนเครดิตได้เช่นกัน เมื่อคุณสามารถแสดงให้เห็นว่าคุณมีความรับผิดชอบในการใช้เงิน การปรับปรุงคะแนนเครดิตก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

5. คะแนนเครดิตไม่ใช่ตัวชี้วัดความสามารถในการชำระหนี้

หลายคนมีความเชื่อว่าคะแนนเครดิตสูงหมายถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ดี แต่ความจริงคือ คะแนนเครดิตสะท้อนถึงประวัติการชำระหนี้และพฤติกรรมการใช้เครดิตในอดีต ไม่ใช่ประสิทธิภาพในการชำระหนี้ในอนาคต

ดังนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะมีคะแนนเครดิตสูง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถชำระหนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา ควรระมัดระวังและจัดการเงินอย่างมีสติ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้ในอนาคต

6. ข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับการขอบัตรเครดิตในไทย

มีหลายข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับการขอบัตรเครดิตในไทย โดยเฉพาะในเรื่องของความต้องการเอกสารและเกณฑ์การอนุมัติ หลายคนเชื่อว่าต้องมีรายได้สูงมาก才能ขอบัตรเครดิตได้ แต่จริง ๆ แล้ว การขออนุมัตินั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประวัติการเงิน คะแนนเครดิต และความสัมพันธ์กับธนาคารที่คุณสมัคร

นอกจากนี้ บางธนาคารยังมีผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยหรือผู้ที่เริ่มต้นทำงาน ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีรายได้สูงเสมอไปก็สามารถเข้าถึงบัตรเครดิตได้

7. ตำนานเกี่ยวกับผู้ให้บริการตรวจสอบคะแนนเครดิต

ในโลกแห่งข้อมูล เครดิตสกอริ่งนั้นมีผู้ให้บริการหลายราย แต่ละรายอาจมีวิธีในการจัดอันดับและคำนวณคะแนนที่แตกต่างกันออกไป มีหลายคนเชื่อว่าผู้ให้บริการทุกแห่งจะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วอาจมีความแตกต่างกันในวิธีการประเมินและข้อมูลที่ใช้ในการคำนวณ

ดังนั้น ควรเลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและเข้าใจวิธีการคำนวณคะแนน เพื่อให้คุณสามารถติดตามและปรับปรุงคะแนนเครดิตของตนเองได้อย่างถูกต้อง

ในที่สุด การเข้าใจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคะแนนเครดิตจะช่วยให้คุณสามารถจัดการการเงินของคุณได้ดีขึ้น และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินในอนาคต

สิ่งสำคัญคือ ต้องเรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อที่จะสามารถสร้างเส้นทางทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับตัวเองได้